ไม่ว่าอาชีพไหนก็ขาดแผนการเงินไม่ได้

"ธรรมสถิตย์ แจ่มศรี" ไม่ว่าอาชีพไหนก็ขาดแผนการเงินไม่ได้
ไม่ว่าคุณจะเป็นเกษตรกร หรือผู้บริหารระดับสูง คุณควรจะวางแผนการเงิน นั่นจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การดำเนินชีวิตของคุณประสบความสำเร็จ
"ไม่ว่าใครจะอยู่ในสายอาชีพไหน การวางแผนการเงินเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคนทุกอาชีพที่ควรมีการบริหารจัดการที่ถูกต้อง เพราะจะทำให้การใช้ชีวิตสอดรับกับสิ่งที่ควรจะเป็น ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นเกษตรกร หรือผู้บริหารระดับสูง คุณควรจะวางแผนการเงิน นั่นจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การดำเนินชีวิตของคุณประสบความสำเร็จ บางคนที่ใช้ชีวิตผิดพลาดพอเราไปดูลึกๆ อ๋อเป็นเพราะเขาขาดตรงนี้นี่เอง" "ธรรมสถิตย์ แจ่มศรี" ผู้จัดการใหญ่ ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ เกริ่นตั้งแต่เริ่มบทสนทนากับ Fundamentals

เขาว่าตั้งเรียนจบและพอเริ่มทำงานก็ลงมือวางแผนการเงินเลย และพยายามบริหารจัดการเงินให้สอดคล้องกับเป้าหมายในชีวิตของเราในช่วงเวลานั้นๆ เพราะคนเราแต่ละช่วงชีวิตไม่เหมือนกัน ดังนั้น จึงต้องบริหารจัดการให้สอดรับกับเป้าหมายและเงื่อนไขในช่วงนั้น

แต่แผนการเงินทุกวันนี้ของธรรมสถิตย์ เขาแบ่งเอาไว้ลงทุน และใช้จ่ายอย่างชัดเจน แต่ทั้ง 2 หมวดเน้นไปที่ "เอิร์นนิ่ง แอสเซ็ท" กับ "อันเอิร์น แอสเซ็ท" และโดยภาพรวมเป็นการลงทุนให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

"เอิร์นนิ่ง แอสเซ็ท ว่าแต่ละอาชีพไม่เหมือนกัน เช่นคนที่เป็นดารา เขาต้องใช้เรื่องความงาม เครื่องสำอาง ผิวพรรณ เสื้อผ้าอาภรณ์เพื่อประกอบอาชีพ นั่นจึงถือว่าเป็นการลงทุนของเขา แต่หากเป็นอาชีพอื่นไปลงทุนแบบนี้อาจจะเป็นอันเอิร์น แอสเซ็ท เพราะฉะนั้นต้องมาดูว่าการที่ตัวเองอยู่ในแต่ละอาชีพ เอิร์นนิ่ง แอสเซ็ท ของตัวเองคืออะไร จะได้วางแผนการลงทุนให้เหมาะสม ถ้าชัดเจนกับแนวคิดนี้ จะประสบความสำเร็จ อย่างผมอยู่ในหมวดลูกจ้างมืออาชีพ เราก็ต้องดูว่าอะไรที่จะส่งเสริมให้มีศักยภาพมากขึ้นในการทำงาน"

ธรรมสถิตย์ขยายความการลงทุนของเขาเอง ว่าเลือกลงทุนตามไลฟ์สไตล์ อย่างกองทุนประหยัดภาษีถือว่าเป็นลงทุนขั้นพื้นฐานอยู่แล้ว เพราะรีเทิร์นสูงสุด นอกจากได้ภาษีแล้วยังได้แคปปิตอลเกนด้วย รวมแล้วบางปีได้ถึง 40-50% จึงถือว่าดีที่สุดแล้วในแง่ผลตอบแทน นอกจากนี้ก็ยังลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ด้วยการซื้อคอนโดมิเนียมด้วย

"การลงทุนในคอนโดแนวคิดของผม ถ้ามองให้ตรงกับไลฟ์สไตล์การทำงานของคนทำงานในเมืองกรุง ผมถือว่าเป็นเอิร์นนิ่ง แอสเซ็ทของผม เพราะทำให้เรามีเวลาคิดงาน ไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทาง แต่ถ้าเป็นอาชีพอื่นที่เขาไม่ต้องคำนึงถึงการเดินทาง คอนโดฯอาจจะไม่เหมาะก็ได้ แต่ผมมองว่าคอนโดฯเป็นการลงทุนที่ไม่เน่าไม่เสีย "

เขาบอกว่าชีวิตที่ยุ่งกับหน้าที่การงาน ทำให้ต้องลงทุนที่เหมาะสม เช่นถ้าจะลงทุนหุ้นก็ต้องใช้เวลา ก็เลยหันไปยุ่งกับพวกของเก่าและศิลปวัตถุโบราณดีกว่า เพราะผลตอบแทนค่อนข้างดี แต่ปัญหาคือต้องดูเป็นและซื้อจากคนที่ไว้ใจได้

" ผมเริ่มลงทุนไม่นานมานี้เอง ตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เพราะมั่นใจได้ว่าของที่นี่มีผู้รู้คอยแนะนำ ของพวกนี้เราสามารถใช้จินตนาการผ่านโบราณวัตถุย้อนกลับไปในอดีตได้ ว่ายุคนั้นเขาเป็นอย่างไร ใช้แจกันแบบไหน เป็นการลงทุนที่ให้ความสุขทางใจไปด้วย อนาคตเป็นสมบัติที่ขายต่อและทำกำไรได้ ที่นี่มีจัดประมูลตลอด ถ้าเป็นมือสมัครเล่นให้มาที่นี่ ราคาไม่แพงและเป็นของแท้แน่นอน ส่วนในแง่ของการใช้เงินลงทุนในเอิร์นนิ่ง แอสเซ็ท ผมครอบคลุมถึงการมองหาอาหารดีๆ เที่ยวในสถานที่สวยงาม นั่นก็ถือว่าเป็นการใช้เงินอย่างเหมาะสม เพราะเวลาทำงานเครียดๆ การไปรีแลกซ์กับครอบครัว เที่ยวต่างประเทศบ้างถือว่าเป็นการเปิดมุมมองเปิดโลกทัศน์ บางครั้งผมคิดอะไรดีๆ ออกในสถานที่ปลอดโปร่ง เวลาทอดสายตาไปยาวๆ ปัญหาอุปสรรคหายไปเลย บางครั้งใช้ชีวิตแบบนั้นเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผม "

อีกอย่างหนึ่งคือการลงทุนในหมวดของการศึกษา ธรรมสถิตย์ถือว่าเป็นการลงทุนอย่างคุ้มค่าในระยะยาว เพราะเขาถือว่าลูกน้องทุกคนคือแอสเซ็ทที่ต้องลงทุนทางสินทรัพย์ทางปัญญาให้เขาด้วย จึงส่งพนักงานไปเทคคอร์สเทรนนิ่ง ซึ่งค่าใช้จ่ายอาจจะเยอะ แต่เป็นการลงทุนที่เอิร์นนิ่ง แอสเซ็ท คุ้มค่าในระยะยาว เพราะเวลาพนักงานไปเห็นอะไรที่ดีเราถือว่านำมาพัฒนาบริการของเราได้

"เราต้องใช้เงินเพื่อส่งเสริมหรือเพิ่มคุณค่า บางคนเป็นนักบัญชีก็ลงทุนด้วยการต่อยอดเรียนเรื่องภาษีอากร ทำให้คุณค่ามีมากขึ้น อันนี้เป็นส่วนสำคัญของการใช้จ่าย ที่ต้องตอบโจทย์ของแต่ละคน จะได้เสียเงินไปอย่างคุ้มค่า"

ด้วยการวางแผนการเงินอย่างรอบคอบทำให้ธรรมสถิตย์ ไม่ค่อยมีเรื่องผิดพลาดทางการเงินซักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะเขามีแบ็คกราวนด์เรื่องการเงิน ทำให้แผนของเขามักจะเผื่อเรื่องความเสี่ยงเอาไว้ด้วย ทุกครั้งที่ตัดสินใจลงทุนหรือทำอะไร จะมีแพลน A และ B เผื่อไว้ด้วย และพร้อมรับสถานการณ์ตลอด เขาเล่าว่าวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 สอนว่าบางครั้งทำอะไรตึงเกินไปก็ไม่ดี ทำอะไรไม่พอดี ก็ทุกข์ แต่ถ้าพอดี มีแพลน B รองรับก็ช่วยให้หนักเป็นเบา อยู่อะไรกับที่จับต้องได้ดีกว่า นั่นเป็นแนวทางที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

แต่บางครั้ง คอนเซอร์เวย์ทีฟมากเกินไปก็เสียโอกาส เขาเล่าว่าตอนหนุ่มๆ จะกล้าได้กล้าเสียมากกว่านี้ เรียกว่าลงทุนไม่ยั้ง แต่พออายุ 40 กว่า เห็นโลกเยอะขึ้น ก็ต้องยั้งมือหน่อย แต่สิริรวมแล้วทุกวันนี้ จะลงทุนก็ไม่ลืมกระจายความเสี่ยง บางคนลงหุ้นหมด บางคนลงคอนโดฯหมด ไม่บาลานซ์ พอวิกฤติก็ลำบาก เวลาจะลงทุนก็ควรกระจายหลายช่องทางจะได้กระจายความเสี่ยงไปในตัว

"แต่ที่เสี่ยงที่สุดตั้งแต่ทำงานมาคือวิกฤติปี 40 ผมอยู่ใน 56 ไฟแนนซ์ที่ถูกสั่งปิดในช่วงนั้น ซึ่งเป็นวิกฤติที่ทำให้ผมคิดอะไรได้หลายอย่าง ผมมั่นใจมาตลอดตั้งแต่เรียนจบว่าการหางานไม่ใช่ปัญหาของผม เดินเข้าที่ไหนก็ทำงานได้หมด แต่วิกฤติทำให้ผมคิดว่าไม่ใช่อย่างที่เราคิดไว้ ตอนนั้นลูกเพิ่งคลอด บ้านเพิ่งผ่อน ชีวิตหักเหมาก อย่างที่เราไม่คาดฝันมาก่อน จากไฟแนนซ์ผมต้องไปอยู่ในหน่วยของซิเคียวริตี้ดูแลเรื่อง รปภ. ทำอยู่ 2 ปี ผมทำทุกอย่าง ประตูปิดหมด แบงก์และไฟแนนซ์ไม่รับ แต่ผ่านชีวิตช่วงนั้นไปได้ ก็ทำได้ทุกอย่าง จากนั้นก็ไปทำที่อิตัลไทย ผมเข้าไปตอนอิตัลไทยปรับโครงสร้างหนี้ ผมคิดว่าอะไรที่คนอื่นทำไม่ได้ มันท้าทายผม เราเข้าไปช่วงหนี้สินล้นพ้นตัว ถ้าเรากล้าทำ และทำสำเร็จ ก็ถือว่าท้าทายดี จากนั้นถึงจะมาอยู่ที่ริเวอร์ซิตี้ เข้ามาก็เจอวิกฤติเศรษฐกิจย่ำแย่ นักท่องเที่ยวน้อย เรียกว่าผ่านวิกฤติมาหลายครั้ง แต่ก็ผ่านมาได้ "

และในบทบาทของการเป็นคุณพ่อ ธรรมสถิตย์ไม่ลืมวางแผนเพื่ออนาคตของลูกสาวด้วย เขาเล่าว่าวางแผนการเงินตั้งแต่ก่อนมีลูก พอเกิดมาแล้วก็วางแผนชัดเจนขึ้นอีก การลงทุนเรื่องการศึกษาของลูกถือว่าเป็นการลงทุนที่ดี และที่ขาดเสียไม่ได้คือการบ่มเพาะ เรื่องการใช้เงินตั้งแต่เด็ก อะไรที่อยากได้จะให้เขาคิดก่อน สิ่งที่ปลูกฝังคือเงินของคนอื่นคือเศษกระดาษ ให้เขาชัดเจนกับตัวเองว่าอะไรคือเงินของเขา อะไรไม่ใช่เงินของเขา เงินอันไหนมีค่าสำหรับเรา อันไหนไม่มีค่า

"ผมเปิดโอกาสให้เขาทำทุกอย่าง สักพักเขาจะเลือกเอง ว่าเขาจะออกไปแนวไหน อย่างลูกผมออกไปทางดนตรี อาร์ท ส่วนประกันชีวิตผมทำให้เขาอยู่แล้ว หรือพวกคอนโดฯก็ลงทุนเพื่อเขา แต่สำคัญที่สุดการลงทุนทางการศึกษาเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ไม่ใช่ลง 1 ได้ 2 แต่มันอันลิมิต แต่เด็กพอโตขึ้น ดีมานด์มีเยอะแยะเลย แต่ผมใช้วิธีวางกรอบมีลิมิต ใน 1 เดือนมี 5 พันบาทใช้ให้ได้ ให้เขาเป็นบัดเจ็ทไว้ แล้วให้เขาบริหารเอง ผมจะไม่ยุ่งกับเขา เขาจะไปฝากแบงก์และดูแลบัญชีด้วยตัวเอง ค่าโทรจ่ายเอง ถ้าไม่ลิมิตก็จะไปเรื่อย วิธีนี้สอนให้เด็กมีทักษะในการบริหารเงิน "

ทุกวันนี้ ธรรมสถิตย์ยึดหลักว่า ฝันให้ไกลแล้วไปให้ถึง แต่ในเวลาเดียวกันก็ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำวันนี้ ประวัติก็จะดี ตั้งใจทำงาน เมื่อเรามองย้อนกลับมา เราก็ไม่เสียใจกับมัน เพราะเราทำดีที่สุดแล้ว
ที่มา money.impaqmsn

คลังบทความของบล็อก