เมื่อกล่าวถึง "เงินเก็บก้อนสุดท้าย" ในชีวิตของคนเป็นพ่อแม่ที่ไม่ได้ร่ำรวย หรือมีกิจการใหญ่โตล้นฟ้าแล้ว อาจเป็นเงินที่ได้จากการเกษียณ หรือเงินออมที่มากับกรมธรรม์ประเภทใดประเภทหนึ่ง ฯลฯ ซึ่งเงินก้อนนี้ แม้พ่อแม่จะมีความจำเป็นต้องเก็บเอาไว้ใช้ในยามชรา เช่น เอาไว้จ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าซ่อมแซมบ้าน ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง และค่าจิปาถะอื่น ๆ อีกมากมาย แม้วันที่ได้รับมาจะเห็นเป็นก้อนใหญ่ แต่เมื่อนานวันไป มันก็มีแต่ร่อยหรอลง
ที่สำคัญ แม้มันจะเป็นเงินที่จำเป็นต่อชีวิตในวัยชราของพ่อแม่สักเท่าใด แต่หากลูกเอ่ยปากขอยืม เชื่อว่ามีพ่อแม่จำนวนมากพร้อมที่จะหยิบยื่นให้อย่างไม่ลังเล
ดังนั้นจึงมีตัวอย่างให้เห็นอยู่มากมาย กับลูกที่แบมือขอเงินที่พ่อแม่เก็บออมมาชั่วชีวิตไปถลุงจนหมด จนทำให้ชีวิตพ่อแม่ต้องตกระกำลำบาก โดยที่ตัวลูกเองก็ไม่สามารถหาเงินมาชดใช้ หรือเลี้ยงดูพ่อแม่ในยามชราได้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าเช่นนี้ ทีมงานมีคำแนะนำดี ๆ มาฝากคุณพ่อคุณแม่ รวมถึงเอาไว้เตรียมตัวลูก ๆ ให้สามารถเอาตัวรอดทางการเงินได้ โดยไม่ต้องมาหวังพึ่ง "เงินก้อนสุดท้าย" ในชีวิตของพ่อแม่กันค่ะ
1. ตั้งเป้าหมายในการให้การสนับสนุนลูก ๆ ด้านการศึกษา
พ่อแม่ทุกคนล้วนมีแผนการออมเงินสำหรับการศึกษาของลูกในอนาคตอยู่แล้ว แต่ควรตั้งเป้าชัดเจนว่าจะสนับสนุนลูก ๆ ไปจนถึงระดับใด ซึ่งปกติคือระดับมหาวิทยาลัย ที่ไม่ควรลืมก็คือ ต้องบอกให้ลูกทราบด้วยว่าคุณจะสนับสนุนเขาไปจนถึงจุดนี้เท่านั้น เมื่อลูกสำเร็จการศึกษาในระดับที่ตั้งเป้าเอาไว้แล้ว หากลูกมีแผนจะศึกษาต่อ ก็ควรเปลี่ยนเป็นการให้คำแนะนำปรึกษาแทน ไม่ควรหยิบยื่นเงินสำรองของตนเองออกไปใช้
2. ให้ความช่วยเหลือลูก ๆ ที่โตแล้วแต่ยังไม่มีงานทำในเรื่องที่ไม่มีค่าใช้จ่าย
เด็กจบใหม่จำนวนมาก ยังหางานทำไม่ได้ และยังต้องพึ่งพาพ่อแม่ในจุดนี้ ดังนั้นพ่อแม่สามารถช่วยเหลือลูก ๆ ได้ในเรื่องที่ไม่มีค่าใช้จ่าย หรือมีก็ไม่มากนัก เช่น ที่อยู่อาศัย อาหารการกิน ส่วนค่าใช้จ่ายในบ้านบางอย่างหากคิดว่าพ่อแม่รับภาระไหว จะไม่ขอความช่วยเหลือจากลูก ๆ ก็ได้ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ แต่ทางที่ดีควรกระตุ้นให้ลูกเกิดกำลังใจ และออกไปสร้างงานให้เร็วที่สุด
3. กระตุ้นให้ลูก"วางแผนชีวิต"
หากลูกสำเร็จการศึกษาแล้ว และต้องการมีครอบครัว การวางแผนในสิ่งต่างๆ เหล่านี้มีความสำคัญมากพอ ๆ กับจะเก็บเงินอย่างไร จะย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ใด นอกจากนั้นแล้วก็ไม่ควรลืมว่า เมื่อถึงจุดที่ลูกเติบโต มีงานทำ มีรายได้ แต่ยังอาศัยอยู่ในบ้านพ่อแม่ พ่อแม่ก็ควรบอกให้ลูก ๆ ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ด้วย เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำมันรถ ค่าต่อทะเบียนรถ ค่าประกันภัย ฯลฯ
4. สอนลูก ๆ เกี่ยวกับการ"จัดการ"เงินตั้งแต่ยังเล็ก
พ่อแม่ควรปลูกฝังลูก ๆ ในการบริหารจัดการเงินให้ดี ทั้งการออมเงิน การใช้เงินในชีวิตประจำวัน หรือหากเป็นไปได้ ก็ลองให้ลูก ๆ เก็บออมเงินสำหรับการศึกษาของพวกเขาในอนาคตด้วยก็ดี (เช่น ในระดับมหาวิทยาลัย หรือการเรียนพิเศษด้านต่าง ๆ) เพราะหากลูก ๆ ต้องการเรียนสูงมากเท่าใด เงินที่ต้องใช้ก็มากเท่านั้น และอาจมารบกวนกับเงินเก็บก้อนสุดท้ายของพ่อกับแม่ได้ในที่สุด
เรียบเรียงบางส่วนจาก U.S.News
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
ข่าวหุ้น,ตลาดหุ้น,ข่าวธุรกิจ,การซื้อขาย,สกุลเงินซื้อขาย,trading currency,forex trader,forex online trading,forex trading,trade,traing
คลังบทความของบล็อก
-
▼
2011
(73)
- ► กุมภาพันธ์ (11)
-
▼
มกราคม
(15)
- ธุรกิจดอกไม้เงินสะพัดรับวาเลนไทน์ มิสลิลลี่ผนึก5พั...
- คาดตรุษจีนเงินสะพัดแบงก์อัดสำรอง 3 หมื่น ล.ราคาของ...
- สอนลูกบริหารเงิน ก่อน"เงินเกษียณ"ของพ่อแม่สูญ
- "AIS "ทุ่มหมื่นล้าน ขยายเน็ตเวิร์กสู้ศึก
- ตัน ภาสกรนที กับชีวิตใหม่ที่ “ไม่ตัน”
- แนะจับตากองทุนใหญ่เทขายทอง-หันเก็งกำไรหุ้นน้ำมัน ล...
- 3 เดือนแอปเปิลฟันกำไร 6 พันล.ดอลล์
- ธอส.ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก-ตั๋วสัญญาใช้เงิน
- เงินคงคลังไทยแข็ง313,429 ล้านบาท
- จอมแฉชาวสวิสเตรียมเผยบัญชีธนาคาร “เศรษฐี-นักการเมื...
- กูรูแนะสะสมกองทุนทองคำเพิ่ม มั่นใจราคายังอยู่ในช่ว...
- รายงานเผย “เฟซบุ๊ก” ขอเทกโอเวอร์ “ทวิตเตอร์” ในปี ...
- 4ค่ายยักษ์บัตรเครดิตชิงเจ้าตลาด ชู"ดบ.0%-ซื้อ1แถม1...
- ช่องทางสร้างอาชีพ
- เปิดคัมภีร์วิธีการหากำไรจากหุ้นบนฟองสบู่