ข่าวหุ้น:ปตท.ดันแผนเทกโอเวอร์ธุรกิจต่างแดน-ขึ้นแท่น 1 ใน 100 ชั้นนำโลก

ข่าวหุ้น:ปตท.ดันแผนเทกโอเวอร์ธุรกิจต่างแดน-ขึ้นแท่น 1 ใน 100 ชั้นนำโลก
ปตท.เผยแผน 10 ปีข้างหน้า ประกาศเพิ่มสัดส่วนลงทุนต่างแดนเป็น 50% โดยเฉพาะการลงทุนขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมธุรกิจก๊าซแอลเอ็นจี และการซื้อสินทรัพย์ต่างๆ หวังขึ้นแท่น 1 ใน 100 บริษัทชั้นนำโลก

วันนี้ (24 พ.ย.) นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีไม่กระทบต่อ ปตท.เพราะหนี้สินส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะยาว โดยในรอบปีครึ่งที่ผ่านมา ปตท. และบริษัทในเครือมีการออกหุ้นรวมกันเกือบ 2 แสนล้านบาท และปตท.ยังไม่มีแผนก่อหนี้ใหม่นอกจากจะมีโครงการลงทุนที่น่าสนใจจึงจะมีการระดมทุนเพิ่มส่วนเป้าหมายในอนาคตของ ปตท.คือการกลับเข้าไปเป็น 1 ใน 100 อันดับบริษัทชั้นนำของโลกใน Fortune โดยมีเป้าหมายทำยอดขาย ให้ได้ 1.4-1.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ/ปี หรือคิดเป็น 4-5 ล้านล้านบาท/ปี และมีแผนลงทุน 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายใน 10 ปีนี้ ซึ่ง ปตท.คาดว่า เงินลงทุนจำนวนดังกล่าวจะสร้างอัตราเติบโตของรายได้ให้กับปตท. ปีละประมาณ 8% ไปจนถึงปี 63 ในขณะที่ปีนี้ ปตท.คาดว่า จะมีรายได้ประมาณ 2 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท

“ถ้าเราจะทำให้ถึงเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ปีนี้รายได้จะอยู่ที่ 2 ล้านล้านบาท จากปีก่อนที่ลดลงไปจากภาวะเศรษฐกิจแต่หลังจากนี้คาดว่าจะโตได้ปีละ 8% เพื่อให้ได้เป้าหมายตามที่วางไว้” นายประเสริฐ กล่าว

นายประเสริฐ ย้ำว่า แผนลงทุนระยะ 10 ปีข้างหน้า 50% จะเป็น การลงทุนในต่างประเทศโดยลงทุนในธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้น (Up Stream) เช่น การขุดเจาะสำรวจปิโตรเลียมธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) และการซื้อสินทรัพย์ต่างๆ ที่น่าสนใจ เป็นต้น โดยใน 5 ปีข้างหน้า ปตท. คาดว่ารายได้จากต่างประเทศจะมีสัดส่วนประมาณ 20% และเพิ่มขึ้นเป็น 50% ในช่วง 10 ปีข้างหน้าหลังการประกาศวิสัยทัศน์ไม่นาน ปตท.ก็โชว์แผนเสนอซื้อกิจการเหมืองถ่านหิน บ.Straits Resources Limited

ด้าน นายเทวินทร์ วงศ์วานิชประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.ได้ทำการเสนอซื้อกิจการเหมืองถ่านหินของ บริษัท Straits Resources Limited (SRL) ผ่านบริษัท PTT Mining Limited (PTTML) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ PTT International Limited (PTTI) ซึ่ง ปตท.ถือหุ้นทั้งหมดใน PTTI

ในการเข้าซื้อกิจการเหมืองถ่านหินในครั้งนี้ PTTML ได้ตกลงที่จะชำระเงินให้แก่ผู้ถือหุ้นของ SRL ในราคา 1.72 เหรียญออสเตรเลียต่อหุ้นคิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 544.1 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือประมาณ 16,600 ล้านบาท โดย ปตท.จะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ PTTML ผ่าน PTTI

อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ เป็นการลงทุนตามนโยบายในการขยายการลงทุนในธุรกิจเหมืองถ่านหินที่มีคุณภาพสูงและมีศักยภาพที่ดีในการเติบโตในอนาคต

“เนื่องจาก SRL เป็นบริษัทที่ดำเนินกิจการด้านเหมืองโลหะและเหมือง ถ่านหิน ดังนั้น PTTML จึงได้ลงนามใน สัญญากับ SRL เพื่อซื้อหุ้นทั้งหมดภายหลังการแยกกิจการเหมืองโลหะของ SRL ออกจากกิจการเหมืองถ่านหิน ซึ่ง SRL คาดว่า จะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นภายในไตรมาสแรกของปี 2554 เพื่อให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาและอนุมัติการแยกกิจการและการเข้าซื้อกิจการเหมือง ถ่านหินนี้” นายเทวินทร์ กล่าว

สำหรับสินทรัพย์ที่ได้จากการลงทุนในครั้งนี้ภายหลังจากการแยกกิจการโลหะของ SRL แล้วนั้นจะประกอบด้วย เงินสด จำนวน 50 ล้านเหรียญออสเตรเลีย และการถือหุ้นจำนวนร้อยละ 40 ในบริษัท PTT Asia Pacific Mining Pty Ltd (PTTAPM) ซึ่งมีสินทรัพย์ประกอบด้วยหุ้นร้อยละ 45.6 ในบริษัท Straits Asia Resources Limited ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์แต่ประกอบกิจการเหมืองถ่านหิน Sebuku และ Jembayan ในประเทศอินโดนีเซีย หุ้นร้อยละ 35 ในบริษัทร่วมทุนกับ Far East Energy Corporation Pty Ltd ซึ่งได้รับสิทธิในการดำเนินการศึกษาแหล่งถ่านหินในประเทศบรูไน และหุ้นร้อยละ 33.5 ในบริษัทที่ประกอบธุรกิจเหมืองถ่านหินใน Sakoa Coal Basin ในประเทศมาดากัสดาร์

นอกจากนี้ การเข้าซื้อกิจการในต่างประเทศเพื่อขยายธุรกิจไปทั่วโลกแล้ว กลุ่ม ปตท.ยังเป็นบริษัทไทยรายแรกประสบความสำเร็จขายพันธบัตรอิสลามในต่างประเทศ

ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท ทรานส์ ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด ได้ระดมทุนจากตลาดมาเลเซีย ผ่านบริษัท ทีทีเอ็ม ซูกุก เบอร์ฮาด ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่จัดตั้งขึ้นเฉพาะกิจโดยออกพันธบัตรอิสลามมูลค่ารวมทั้งสิ้น 600 ล้านริงกิต เสนอขายเป็นชุด มีอายุตั้งแต่ 5-15 ปี ออกและเสนอขายตามหลักการทางการเงินอิสลาม (Shariah) ที่อิงกับสินค้าโภคภัณฑ์มูราบาฮา (commodity murabaha structure)บริษัท ทรานส์ ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทที่มี บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปิโตรเลียม เนชั่นแนล เบอร์ฮาด (เปโตรนาส) ถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่ากันก่อตั้งขึ้นเพื่อบริหารจัดการและดำเนินงานโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติซึ่งขนส่งก๊าซธรรมชาติในเขตพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (The Malaysia-Thailand Joint Development Area : JDA) มายังประเทศไทย และมาเลเซียซึ่งมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งสองประเทศ

โดยการระดมทุนครั้งนี้ถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ของกลุ่ม ปตท.เนื่องจากเป็นบริษัทไทยรายแรกที่ระดมทุนจากตลาดทุน อิสลาม ซึ่งการเสนอขายพันธบัตรอิสลามครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นให้นักลงทุนไทยหันมาสนใจระดมทุนผ่านตลาดอิสลาม ทั้งจาก ตลาดในประเทศไทยและต่างประเทศการเสนอขายพันธบัตรอิสลามชุดนี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ AAA ซึ่งเป็นระดับความน่าเชื่อถือสูงสุดในมาเลเซียจากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือมาเลเซีย เรตติ้ง คอร์เปอร์เรชั่น เบอร์ฮาด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินมาชำระคืนเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐของผู้ถือหุ้นและใช้จ่ายในโครงการสร้างระบบท่อส่งก๊าซซึ่งเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ไปตั้งแต่เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยมีต้นทุนต่ำกว่า 4% ต่อปี ภายหลังการแปลงหนี้เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งถือเป็นต้นทุนทางการเงินที่ต่ำสำหรับการระดมทุนในระยะยาวสำหรับโครงการ ในลักษณะนี้

ขณะที่ นายมานพ รัตนศุภานุสรณ์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทรานส์ ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โครงการท่อส่งก๊าซระหว่างไทย-มาเลเซีย เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและมาเลเซีย ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2521 เพื่อพัฒนาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย หรือ JDA ซึ่งมีความสำคัญในเชิงยุทธศาสตร์ต่อการเติบโตของเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศโดยเบื้องหลังความสำเร็จของการออกพันธบัตรอิสลามครั้งนี้เนื่องจากบริษัทมีผู้ถือหุ้นที่เข้มแข็ง คือ ปตท.และ เปโตรนาส”
ที่มาโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

คลังบทความของบล็อก