“สมคิด-เจ้าสัวซีพี”ชี้โพรงศก.ไทย

“สมคิด-เจ้าสัวซีพี”ชี้ช่องเศรษฐกิจไทย สะกิดนักการเมืองอย่าเล่นการเมืองแบบศรีธนญชัย แต่ต้องเล่นการเมืองแบบรัฐบุรุษ เสนอนำทุนสำรองฯมาตั้งเป็นกองทุนเหมือนเทมาเส็ก

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ และรมว.คลัง กล่าวในงาน ไทยแลนด์ เล็คเชอร์ ครั้งที่ 3 วิสดอม ฟอร์ เชนจ์ ในหัวข้อนโยบายเศรษฐกิจเข็มทิศประเทศไทย จัดโดยสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือนิด้า ว่า ขณะนี้ไทยต้องการความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นไม่รู้ว่าอนาคตของประเทศจะเป็นเช่นใด ซึ่งการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของประเทศ ว่าจะทำให้ประเทศกลับเป็นปกติเหมือนเดิมหรือไม่ หลังจากหยุดชะงักทุกด้านตลอด 4 ปีที่ผ่านมา และหากทุกฝ่ายยังไม่ตระหนักกับสิ่งที่ผ่านมา ไม่ช้าไทยจะตกขอบเวทีโลกโดยที่ไม่มีใครสนใจ
ทั้งนี้ไทยต้องการจุดยืนเพื่อเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ โดยต้องการความกล้าหาญความจริงใจความจริงจังในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจจากนักการเมือง ไม่ใช่แค่เอาใจประชาชนที่สำคัญต้องไม่ใช้ประโยชน์จากคนที่ไม่รู้ หากเป็นนักการเมืองที่ดี ซึ่งตัวเองคิดว่าขณะนี้มีนักการเมืองที่ดีอยู่จำนวนมาก เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้มีจุดยืนที่มีรากฐานได้ ไม่ว่าพรรคการเมืองใดจะเข้ามาบริหารประเทศ ขอให้ชัดเจนว่าประเทศไทยต้องการอะไรและจะเดินหน้าประเทศอย่างไร ไม่ใช่ตั้งคนที่สั่งได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรี เมื่อถึงเวลาแล้วที่อย่าเล่นการเมืองแบบศรีธนญชัย แต่ต้องเล่นการเมืองแบบรัฐบุรุษซึ่งทำให้ประเทศไทยมีอนาคตที่ยั่งยืนต่อไป

ทางด้านนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะบริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) กล่าวในหัวข้อบริบทใหม่ทางธุรกิจการค้า ว่า ตนเองยังยืนยันในทฤษฎี 2 สูง คือ ค่าแรงสูงและราคาสินค้าเกษตรสูง เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปให้ได้ รวมทั้งถ้าการเมืองนิ่งเศรษฐกิจไทยจะไปดีกว่านี้อีกไม่รู้กี่เท่าตัว เพราะสถานการณ์ทุกอย่างทางเศรษฐกิจในขณะนี้ถือว่าดีที่สุดแล้ว ตั้งแต่ทำธุรกิจมานานถึง 47 ปี แต่รัฐบาลต้องกล้าตัดสินใจภายใต้การเมืองที่นิ่ง โดยการนำทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศที่มีประมาณ 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6 ล้านล้านบาท ที่ถือว่าสูงเป็นอันดับ 13 ของโลกสูงกว่า ฝรั่งเศส มาตั้งเป็นกองทุน เหมือนกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ เพื่อนำเงินเหล่านั้นมาลงทุนในประเทศ ทั้งทางการค้าการลงทุน เพื่อให้เกิดดอกออกผลเหมือนกับหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งผู้นำประเทศต้องมีความกล้า ที่จะตัดสินใจ เพราะไทยมีคนเก่งจำนวนมาก ใช้คนเก่งในเมืองไทยให้เป็นประโยชน์ การพัฒนาธุรกิจที่มีศักยภาพ

ที่ผ่านมา ผู้นำประเทศไทยไม่เข้าใจ มีการบริหารประเทศที่ผิดพลาด มีการกดราคาสินค้าเกษตร แต่ต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยและการเมืองไทย ไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กันเท่าไหร่ ขณะที่ไทยมีปัญหาเรื่องการเมือง แต่การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ( จีดีพี) ยังคงมีการเติบโตได้ เกินกว่าที่คาดกันไว้ ดังนั้นไทยต้องไปดูประวัติศาสตร์ว่าประเทศอื่นที่เคยประสบวิกฤต เศรษฐกิจมาแล้ว ว่ามีวิธีแก้ปัญหาอย่างไร เช่น ญี่ปุ่น หลังสงครามมีการทำอย่างไรให้ประเทศเข้มแข็ง ได้ใน 20 ปี จีน สร้างชาติอย่างไร ไต้หวัน และเกาหลีใต้ใช้เวลาเพียง 25 ปี ให้เข้มแข็งได้ ขณะที่ประเทศไทย ใช้เวลากว่า 200 ปีแล้ว เกษตรกร ประชากรไทยมีแต่หนี้

สำหรับพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ออกนโยบายหาเสียง เพื่อเรียกคะแนน ต้องระบุให้ชัดเจนว่าสามารถทำได้ และแนะว่าจะหาช่องทางนำรายได้จากที่ใด มารองรับโครงการต่าง ๆ โดยรัฐบาลควรดึงผู้มีความรู้ความสามารถทั้งนักวิชาการ เอกชน ที่มีจำนวนมากไปช่วยงาน เพราะเชื่อว่าประเทศจะหาทางออกได้โดยการเมืองต้องอย่าทำเพื่อการเมือง การเมืองต้องทำเพื่อประเทศชาติ
ที่มา เดลินิวส์